การดูแลช่องปาก & ยาสีฟันสำหรับคนจัดฟัน

ทำไมการดูแลช่องปากหลังจัดฟันจึงสำคัญกว่าที่คิด

การจัดฟันเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยทั้งเวลา ความอดทน และค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง หลายคนมักจะรู้สึกโล่งใจเมื่อถอดเครื่องมือจัดฟันออกไปแล้ว และคิดว่าภารกิจให้เสร็จสิ้นลง แต่ในความเป็นจริงแล้ว การดูแลสุขภาพช่องปากหลังการจัดฟันนั้นมีความสำคัญไม่แพ้ช่วงที่กำลังจัดฟันเลยทีเดียว และบางทีอาจจะสำคัญกว่าที่หลายคนคิดด้วยซ้ำ เพราะนี่้คือช่วงเวลาที่ฟันและช่องปากจะต้องปรับตัวเข้าสู่สมดุลใหม่ หากละเลย อาจนำไปสู่ปัญหาที่ซับซ้อนและกระทบต่อผลลัพธ์ของการจัดฟันในระยะยาว

  • ความสำคัญของการดูแลช่องปากในระยะยาว

ผลลัพธ์ของการจัดฟันไม่ได้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของฟันที่เรียงตัวสวยงามในวันที่ถอดเครื่องมือเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความมั่นคงของตำแหน่งฟันเหล่านั้นในระยะยาวด้วย การดูแลช่องปากอย่างต่อเนื่องจะช่วยรักษาสภาพฟันที่จัดมาให้คงอยู่ ไม่เคลื่อนกลับไปยังตำแหน่งเดิม และ ยังช่วยป้องกันปัญหาช่องปากอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อกรรไกร การดูแลอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีไปตลอดชีวิต

  • การเปลี่ยนแปลงในช่องปากระหว่างและหลังจัดฟัน

ในช่วงที่จัดฟัน ฟันจะถูกเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทั้งในส่วนของกระดูกเบ้าฟัน เหงือก และเนื้อเยื่อรอบ ๆ ฟัน หลังจากการถอดเครื่องมือจัดฟันออกไป ฟันจะยังคงมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนที่กลับไปตำแหน่งเดิม ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่เรียกว่า Relapse ดังนั้น การคงสภาพฟันด้วยเครื่องมือคงสภาพฟัน Retainer จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของฟันและเหงือกจากการเคลื่อนฟัน อาจทำให้บางคนรู้สึกเสียวฟันหรือมีอาการไม่สบายช่องปากในช่วงแรก

  • ปัญหาที่อาจตามมาหากละเลยการดูแล

หากละเลยการดูแลช่องปากหลังจัดฟัน ปัญหาต่าง ๆ อาจตามมาได้แก่

ฟันเคลื่อนกลับ Relapse ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดและเป็นความกังวลหลักของผู้ที่จัดฟันทุกคน หากไม่ใส่รีเทนเนอร์ตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ฟันที่้เคยเรียงสวยอาจเคลื่อนที่กลับไปยังตำแหน่งเดิม ทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการจัดฟันไปโดยเปล่าประโยชน์
ฟันผุและปัญหาเหงือก แม้จะถอดเครื่องมือจัดฟันไปแล้ว แต่ความเสี่ยงในการเกิดฟันผุและปัญหาเหงือกอักเสบยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากยังคงมีพฤติกรรมการดูแลสุขอนามัยที่ไม่ดีพอ คราบจุลินทรีย์ที่สะสมบริเวณซอกฟันหรือขอบเหงือกสามารถนำไปสู่การเกิดฟันผุและเหงือกอักเสบได้
อาการเสียวฟัน หลังการถอดเครื่องมือ บางคนอาจมีอาการเสียวฟันชั่วคราวเนื่องจากฟันและเหงือกกำลังปรับตัว หากไม่ดูแลอย่างเหมาะสม อาการอาจคงอยู่หรือรุนแรงขึ้นได้
กลิ่นปาก สุขอนามัยช่องปากที่ไม่ดีเป็นสาเหตุหลักของกลิ่นปาก การ สะสมของแบคทีเรียและเศษอาหารจะทำให้เกิดสารระเหยที่มีกลิ่นเหม็น

  • บทบาทของยาสีฟันในการดูแลสุขภาพช่องปากสำหรับคนจัดฟัน

ยาสีฟันเป็นอุปกรณ์สำคัญในกิจวัตรการดูแลช่องปากประจำวัน การเลือกยาสีฟันที่เหมาะสม สำหรับผู้ที่เคยจัดฟัน จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ยาสีฟันที่ดีควรมีส่วนผสมที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของเคลือบฟัน ลดอาการเสียวฟัน และป้องกันฟันผุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ซึ่งช่วยป้องกันฟันผุและอาจมีผสมอื่น ๆ ที่ช่วยลดการสะสมของคาบจุลินทรีย์และดูแลสุขภาพเหงือก

เข้าใจปัญหาและสิ่งที่ต้องเผชิญหลังจัดฟัน

การเดินทางของการจัดฟันอาจสิ้นสุดลงเมื่อเครื่องมือถูกถอดออก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภารกิจสำคัญในการดูแลสุขภาพช่องปากเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นต่างหาก นี่คือช่วงเวลาแห่งการปรับตัวที่ทั้งฟัน เหงือก และเนื้อเยื่อรอบ ๆ ฟันจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อรักษาสมดุลใหม่และคงสภาพฟันที่เรียงตัวสวยงามไว้ให้ได้

  • จัดฟันเสร็จแล้ว ภารกิจดูแลฟันเพิ่งเริ่มต้น หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเมื่อถอดเหล็กจัดฟันออกแล้ว ก็เท่ากับว่าการจัดฟันได้เสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ความจริงแล้ว ระยะหลังจัดฟัน หรือ Retention Phase ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดช่งหนึ่งของกระบวนการจัดฟันเลยก็ว่าได้ เพราะนี่คือช่วงเวลาที่ต้องใช้ความร่วมมือและความรับผิดชอบจากตัวผู้ป่วยเองในการรักษาสภาพฟันให้คงที่และป้องกันปัญหาต่าง ๆที่อาจเกิดขึ้นตามมา
  • การปรับตัวของฟันและเหงือกหลังถอดเครื่องมือ จากที่เครื่องมือจัดฟันถูกถอดออก ฟันจะยังคงมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนที่กลับไปยังตำแหน่งเดิม เนื่องจากเนื้อเยื่อรอบ ๆ ฟัน เช่น เอ็นยึดปริทันต์และเหงือก ยังคงมีความยืดหยุ่นและต้องการในการปรับตัวให้เข้ากับตำแหน่งใหม่ของฟัน ดังนั้น การใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน หรือ รีเทนเนอร์ Retainer ตามคำแนะนำของทันตแพทย์จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อช่วยยึดตำแหน่งฟันให้คงที่และป้องกันการเคลื่อนกลับของฟัน
  • ความท้าทายใหม่ ๆ ในการดูแลความสะอาด แม้จะไม่มีเหล็กหรือยางจัดฟันเกะกะแล้ว แต่การดูแลความสะอาดช่องปากหลังจัดฟันก็ยังคงมีความท้าทายอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกที่อาจยังไม่คุ้นชินกับการทำความสะอาดฟันที่เรียงตัวชิดกันมากขึ้น การใช้ไหมขัดฟันและแปรงซอกฟันอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องฝึกฝนและทำเป็นประจำ
  • ปัญหาฟันและช่องปากที่พบบ่อยหลังจัดฟัน การละเลยการดูแลช่องปากหลังจัดฟันอาจนำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ ได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อทั้งความสวยงามและสุขภาพโดยรวมของช่องปาก
  • อาการเสียวฟันหลังถอดเหล็กดัดฟัน เป็นอาการที่พบบ่อยในช่วงแรกหลังถอดเครื่องมือจัดฟัน สาเหตุเกิดจากการที่ฟันและเหงือกมีความอ่อนไหวมากขึ้นจากการเคลื่อนที่ของฟัน หรือ อาจเกิดจากการที่เนื้อฟันบางส่วนถูกเปิดเผยหลังจากที่คราบหินปูนหรือกาวจัดฟันถูกกำจัดออกไป อาการเสียวฟันมักจะดีขึ้นเองภายในไม่กี่สัปดาห์ แต่หากอาการรุนแรงหรือคงอยู่นาน ควรปรึกษาทันตแพทย์
  • ฟันผุและคราบจุลินทรีย์สะสม แม้จะถอดเครื่องมือจัดฟันไปแล้ว แต่ความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุยังคงมีอยู่ หากละเลยการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี คราบจุลินทรีย์และเศษอาหารจะสะสมอยู่ตามซอกฟัน ขอบเหงือก และบริเวณที่แปรงฟันเข้าไม่ถึง ทั้งนี้เป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกรดทำลายเคลือบฟันนำไปสู่การเกิดฟันผุในที่สุด
  • ปัญหาเหงือกอักเสบและเลือดออก การสะสมของคราบจุลินทรีย์ ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดฟันผุ แต่ยังเป็นสาเหตุหลักของปัญหาเหงือกอักเสบด้วย เหงือกอักเสบจะมีอาการบวมแดง มีเลือดออกง่ายขณะแปรงฟัน หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจลุกลามไปสู่โรคปริทันต์อักเสบ ซึ่งเป็นปัญหาร้ายแรงที่อาจทำให้ฟันโยกและหลุดได้
  • กลิ่นปากที่เกิดจากสุขอนามัยที่ไม่ดี กลิ่นปากเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดจากสุขอนามัยช่องปากที่ไม่ดี การสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก โดยเฉพาะอย่างยิ่้งในบริเวณที่เศษอาหารตกค้างจะทำให้เกิดสารประกอบซัลเฟอร์ระเหย (Volatile Sulfur Compounds – VSCs) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของกลิ่นปาก การแปรงฟัน การใช้ไหมขัดฟัน และการทำความสะอาดลิ้นอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดปัญหากลิ่นปาก
  • ฟันเคลื่อนกลับ Relapse และปัจจัยที่เกี่ยวข้อง Relapse หรือการที่ฟันเคลื่อนกลับไปยังตำแหน่งเดิมก่อนการจัดฟัน ถือเป็นปัญหาที่น่ากังวลที่สุดสำหรับผู้ที่จัดฟัน สาเหตุหลักของ Relapse คือการไม่ใส่รีเทนเนอร์ตามคำแนะนำของทันตแพทย์ นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ เช่น การเจริญเติบโตของขากรรไกร พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมบางอย่าง เช่น การกัดเล็บ การดูดนิ้ว การใช้ลิ้นดันฟัน หรือ การที่ฟันคุดดันฟันซี่อื่น ๆ ก็อาจส่งผลให้ฟันเคลื่อนกลับได้เช่นกัน
  • การป้องกันก้าวแรกสู่สุขภาพช่องปากที่ดีการป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นหลังจัดฟันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การเริ่มลงมือดูแลตั้งแต่วันแรกที่ถอดเครื่องมือจัดฟันจะช่วยให้ผลลัพธ์ของการจัดฟันคงอยู่ได้อย่างยั่งยืน และช่วยรักษาสุขภาพช่องปากที่ดีไปตลอดชีวิต
  • หลักการพื้นฐานของการป้องกันปัญหาหลังจัดฟัน

✅ ใส่รีเทนเนอร์ตามคำแนะนำ – หัวใจสำคัญของการคงสภาพฟัน คือการใส่รีเทนเนอร์อย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่ทันตแพทย์กำหนดจะช่วยป้องกันการเคลื่อนกลับของฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
✅ แปรงฟันอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ – แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ๆ ละ 2 นาที โดยเน้นการทำความสะอาดฟันทุกซี่และบริเวณขอบเหงือก
✅ ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน – การใช้ไหมขัดฟันจะช่วยกำจัดคราบจุลินทรีย์และเศษอาหารที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง โดยเฉพาะบริเวณซอกฟันที่ชิดกัน
✅ ทำความสะอาดลิ้น – ใช้ที่ทำความสะอาดลิ้นหรือแปรงสีฟันขูดเบา ๆ เพื่อกำจัดแบคทีเรียและลดกลิ่นปาก
✅ เลือกใช้ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่เหมาะสม – ปรึกษาทันตแพทย์เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีฟลูออไรด์หรือส่วนผสมอื่น ๆ ที่ช่วยเสริมสุขภาพฟันและเหงือก
✅ พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ – ควรไปพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก ขูดหินปูน และรับคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลช่องปากหลังจัดฟัน
✅ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง – เช่น การกัดของแข็ง การเคี้ยวน้ำแข็ง หรือการใช้ฟันเปิดขวด ซึ่งอาจทำให้ฟันเคลื่อนหรือเครื่องมือรีเทนเนอร์เสียหายได้

การดูแลช่องปากสำหรับคนจัดฟันอย่างถูกวิธี

การจัดฟันเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพช่องปากและความสวยงามในระยะยาว แต่การจะรักษาสภาพฟันให้เรียงสวยและมีสุขภาพดีได้นั้น การดูแลช่องปากระหว่างและหลังจัดฟันมีความสำคัญอย่างยิ่ง เครื่องมือจัดฟันไม่ว่าจะเป็นแบบติดแน่นหรือแบบถอดได้ ล้วนเป็นแหล่งสะสมของเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ชั้นดี หากละเลย อาจนำไปสู่ปัญหาฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือกลิ่นปากได้

  • จัดฟันแล้วต้องดูแลอย่างไร แนวทางปฏิบัติเบื้องต้น

เมื่อเริ่มต้นการจัดฟัน คุณจะพบว่าการดูแลช่องปากมีความซับซ้อนและต้องใช้เวลามากขึ้นกว่าปกติ เพราะมีเครื่องมือจัดฟันเป็นสิ่งแปลกปลอมในปาก ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการทำความสะอาดฟันได้ง่ายเหมือนเดิม แนวทางปฏิบัติเบื้องต้นที่คุณควรทำความเข้าใจมีดังนี้

1. เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาด –  จากเดิมที่อาจแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ลองเพิ่มเป็นหลังมื้ออาหารทุกครั้ง หรืออย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง
2. ใช้เครื่องมือทำความสะอาดเฉพาะทาง – แปรงสีฟันสำหรับคนจัดฟัน ไหมขัดฟันสำหรับคนจัดฟัน และแปรงซอกฟันจะกลายเป็นเพื่อนคู่ใจของคุณ
3. ใส่ใจรายละเอียด – การแปรงฟันต้องพิถิพิถันและใจเย็นมากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าได้ทำความสะอาดรอบ ๆ เครื่องมือจัดฟันอย่างทั่วถึง
4. พบทันตแพทย์ตามนัด – การพบทันตแพทย์จัดฟันตามกำหนดนัดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้ทันตแพทย์ได้ปรับเครื่องมือ ตรวจสอบความคืบหน้า และประเมินสุขภาพช่องปากของคุณ

  • ความถี่และระยะเวลาในการแปรงฟัน

สำหรับผู้ที่จัดฟันติดแน่น ควรแปรงฟันอย่างน้อย 3 ครั้งต่อวัน คือ หลังอาหารเช้า หลังอาหารกลางวัน ก่อนนอน หรือเป็นไปได้แนะนำแปรงฟันหลังมื้ออาหารทุกครั้ง เพื่อกำจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ตามเครื่องมือจัดฟันและซอกฟันให้ได้มากที่สุด ระยะเวลาในการแปรงฟันแต่ละครั้งควรอยู่ที่ประมาณ 3-5 นาที หรือจนกว่าจะรู้สึกสะอาดหมดจด การใช้เวลาที่นานขึ้นจะช่วยให้คุณสามารถทำความสะอาดฟันและเครื่องมือจัดฟันได้อย่างทั่วถึงทุกซี่และทุกมุม

  • การใช้ไหมขัดฟันและแปรงซอกฟันสำหรับคนจัดฟัน

การแปรงฟันอย่างเดียวอาจไม่พอสำหรับคนจัดฟัน เพราะเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์มักจะเข้าไปติดอยู่ตามซอกฟัน ใต้ลวด และรอบ ๆ แบร็กเก็ต  ซึ่งแปรงสีฟันทั่วไปอาจเข้าไม่ถึง ดังนั้นไหมขัดฟันและแปรงซอกฟันจึงเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้

ไหมขัดฟันสำหรับคนจัดฟัน (Orthodontic Floss / Super Floss) – เป็นไหมขัดฟันที่มีปลายแข็งเพื่อช่วยร้อยไหมผ่านใต้ลวดจัดฟันได้ง่ายขึ้น และมีส่วนที่เป็นฟองน้ำสำหรับทำความสะอาดบริเวณกว้าง ๆ หรือ เป็นไหมขัดฟันที่มีส่วนปลายแข็งที่สามารถสอดผ่านได้ลวดจัดฟันและทำความสะอาดซอกฟันและร่องเหงือกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรใช้ไหมขัดฟันชนิดนี้อย่างน้อยวันละ 1 ครั้งก่อนอน หรือ หลังแปรงฟัน


แปรงซอกฟัน (Interdental Brush) – เป็นแปรงขนาดเล็กที่มีขนแปรงรอบแกนโลหะ มีหลายขนาดให้เลือกใช้ตามขนาดของช่องว่างระหว่างซี่ฟัน และระหว่างแบร็กเก็ตกับฟัน ใช้สำหรับทำความสะอาดเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ที่ติดอยู่ตามช่องว่างเหล่านี้ ควรใช้หลังจากแปรงฟันเสร็จแล้ว

  • น้ำยาบ้วนปาก จำเป็นหรือไม่ และควรเลือกอย่างไร

น้ำยาบ้วนปากเป็นตัวช่วยเสริมในการดูแลช่องปากสำหรับคนจัดฟัน แต่ไม่สามารถใช้ทดแทนการแปรงฟันและการให้ไหมขัดฟันได้ ควรเลือกน้ำยาบ้วนปากที่

✅ มีฟลูออไรด์ – เลือกน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพื่อช่วยป้องกันฟันผุ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในคนจัดฟัน
✅ ปราศจากแอลกอฮอล์ – น้ำยาบ้วนปากที่มีแอลกอฮอล์ อาจทำให้ช่องปากแห้งและระคายเคือง โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการปากแห้งหรือแผลในช่องปาก
✅ สูตรอ่อนโยน – หากคุณมีเหงือกที่บอบบาง ควรเลือกสูตรที่อ่อนโยนและไม่มีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

  • แปรงฟันอย่างไรให้สะอาดหมดจดเมื่อมีเครื่องมือจัดฟัน

การแปรงฟันเมื่อมีเครื่องมือจัดฟันต้องอาศัยเทคนิคและความละเอียดอ่อน เพื่อให้แน่ใจว่าได้ทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ เครื่องมืออย่างทั่วถึง โดยไม่ทำให้เครื่องมือเสียหาย

  • เทคนิคการแปรงฟันที่เหมาะสม เช่น เทคนิค Bass หรือ Modified Bass

เทคนิคการแปรงฟันที่ทันตแพทย์แนะนำสำหรับคนทั่วไปและคนจัดฟันคือ เทคนิค Bass หรือ Modified Bass ซึ่งเน้นการทำความสะอาดบริเวณร่องเหงือก ซึ่งเป็นบริเวณที่สะสมคราบจุลินทรีย์ได้ง่าย

เทคนิค Bass (สำหรับคนจัดฟัน)

1. แปรงเหนือเครื่องมือ – วางขนแปรงทำมุม 45 องศากับแนวฟันและเหงือก โดยให้ปลายขนแปรงชี้ไปทางฟันบดเคี้ยว แปรงเหนือแบร็กเก็ตและลวด
2. แปรงใต้เครื่องมือ – วางขนแปรงทำมุม 45 องศากับแนวฟันและเหงือก โดยให้ปลายขนแปรงชี้ไปทางเหงือก แปรงได้แบร็กเก็ตและลวด
3. แปรงผิวฟันที่เหลือ – แปรงผิวฟันด้านบดเคี้ยว และ ด้านในของฟันตามปกติ
4. แปรงลิ้น – แปรงลิ้นเพื่อลดแบคทีเรียและลดกลิ่นปาก

เทคนิค Modified Bass – เพิ่มการสะบัดข้อมือเบา ๆ ในตอนท้ายของการแปรงแต่ละครั้ง เพื่อช่วยกวาดเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ออกไป

ขอบคุณภาพจาก : สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย
  • การเลือกใช้แปรงสีฟันที่เหมาะกับเครื่องมือจัดฟัน (แปรงสีฟันสำหรับคนจัดฟันโดยเฉพาะ)

การเลือกใช้แปรงสีฟันที่เหมาะสมจะช่วยให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายต่อเครื่องมือจัดฟัน

แปรงสีฟันสำหรับคนจัดฟันโดยเฉพาะ (Orthodontic Toothbrush) – แปรงสีฟันชนิดนี้จะมีลักษณะพิเศษคือ ขนแปรงตรงกลางจะสั้นกว่าขนแปรงด้านข้าง ทำให้เกิดร่องตรงกลางที่ช่วยให้ขนแปรงสามารถโอบรับและทำความสะอาดบริเวณแบร็กเก็ตและลวดจัดฟันได้ง่ายขึ้น
แปรงสีฟันไฟฟ้า (Electric Toothbrush) – แปรงสีฟันไฟฟ้าบางรุ่นมีหัวแปรงที่ออกแบบมาสำหรับคนจัดฟันโดยเฉพาะ หรือมีระบบการสั่นสะเทือนที่ช่วยขจัดคราบจุลินทรีย์ ทั้งนี้ควรเลือกหัวแปรงที่อ่อนนุ่มและไม่ทำร้ายเครื่องมือ
แปรงกระจุก (Single-Tufted Brush) – เป็นแปรงขนาดเล็กที่มีขนแปรงเป็นกระจุกเดียว เหมาะสำหรับทำความสะอาดบริเวณที่เข้าถึงยาก

  • วิธีการดูแลช่องปากสำหรับคนจัดฟันที่ถอดเครื่องมือแล้ว

เมื่อถอเครื่องมือจัดฟันออก คุณอาจรู้สึกโล่งใจแต่การดูแลช่องปากยังคงมีความสำคัญไม่แพ้ช่วงที่จัดฟันอยู่ โดยเฉพาะในช่วงแรกหลังถอดเครื่องมือ ฟันอาจมีการเคลื่อนที่กลับสู่ตำแหน่ง เดิมได้

  • แปรงฟันตามปกติ – กลับมาแปรงฟันด้วยเทคนิค ฺBass หรือ Modified Bass วันละ 2 ครั้งหรือหลังอาหารทุกครั้งเหมือนคนทั่วไป
  • ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ – ใช้ไหมขัดฟันทั่วไปทำความสะอาดซอกฟันทุกวัน เพื่อป้อง กันฟันผุและเหงือกอักเสบ
  • ใช้น้ำยาบ้วนปาก – ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์เป็นประจำเพื่อเสริมความแข็งแรงของเคลือบฟันและลดความเสี่ยงต่อฟันผุ
  • ตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ – พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและขูดหินปูนทุก 6 เดือน แม้ว่าจะถอดเครื่องมือแล้วก็ตาม
  • การดูแลรีเทนเนอร์อย่างถูกวิธี – รีเทนเนอร์ Retainer เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ทันตแพทย์จัดฟันจะให้คุณใส่หลังถอดเครื่องมือ เพื่อคงสภาพฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่จัดไว้ ไม่ให้ฟันเคลื่อนที่กลับไปสู่ตำแหน่งเดิม การ ดูแลรีเทนเนอร์อย่างถูกวิธีจะช่วยให้รีเทนเนอร์ใช้งานได้ยาวนานและรักษาฟันของคุณให้เรียงสวยได้อย่างถาวร

1. แปรงรีเทนเนอร์ทุกวัน – ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มและสบู่เหลวหรือน้ำยาล้างจาน เพราะยาสีฟันอาจมีสารขัดฟันที่ทำให้รีเทนเนอร์เป็นรอย แปรงทำความสะอาดรีเทนเนอร์เบา ๆ ทั้งด้านนอกและด้านในทุกครั้งที่ถอดออก โดยเฉพาะรีเทนเนอร์ แบบถอดได้
2. ล้างด้วยน้ำสะอาด – ล้างรีเทนเนอร์ด้วยน้ำสะอาดทุกครั้งหลังถอดจากปากก่อนเก็บให้เรียบร้อย
3. แช่น้ำยาทำความสะอาด – รีเทนเนอร์บางชนิดอาจต้องแช่ในเม็ดฟู่ทำความสะอาดรีเทนเนอร์หรือน้ำยาทำความสะอาดฟันปลอมตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ไม่ควรแช่ในน้ำร้อนจัดเพราะทำให้รีเทนเนอร์เสียรูปได้
4. เก็บในกล่องที่แห้งและสะอาด –  เมื่อไม่ได้ใส่รีเทนเนอร์ให้เก็บในกล่องใส่รีเทนเนอร์ที่แห้งและสะอาดเสมอเพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย


เจาะลึกเรื่องยาสีฟันสำหรับคนจัดฟัน

การเลือกยาสีฟันที่เหมาะสมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการดูแลสุขภาพช่องปากสำหรับผู้ที่จัดฟัน ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่กำลังใส่เครื่องมืออยู่หรือเพิ่งถอดเครื่องมือออกไปแล้ว เพราะฟันที่ผ่านการจัดฟันมักมีความบอบบางและมีความเสี่ียงต่อปัญหาต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าปกติ การทำความเข้าใจส่วนประกอบและคุณสมบัติของยาสีฟันชนิดต่าง ๆ จะช่วยให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะและช่วยรักษาสุขภาพฟันให้ดีในระยะยาว

  • ทำไมการเลือกยาสีฟันจึงสำคัญหลังจัดฟัน

หลังจากที่เครื่องมือจัดฟันถูกถอดออก ฟันของคุณอาจยังอยู่ในช่วงที่ต้องปรับตัวและฟื้นฟู สุขภาพเหงือกและเคลือบฟันอาจได้รับผลกระทบจากการที่เคยมีเครื่องมือติดอยู่ การเลือกยาสีฟันที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญด้วยเหตุผลดังนี้

  1. เสริมสร้างความแข็งแรงของเคลือบฟัน – การจัดฟันอาจทำให้เกิดการสะสมของคราบจุลินทรีย์รอบ ๆ แบร็กเก็ตได้ง่าย ทำให้เคลือบฟันบริเวณนั้นอ่อนแอลง การใช้ยาสีฟันที่มีส่วนประกอบที่ช่วยเสริมสร้างและฟื้นฟูเคลือบฟันจะช่วยลดความเสี่ยงต่อฟันผุได้
  2. ลดอาการเสียวฟัน – หลังถอดเครื่องมือจัดฟัน ฟันบางซี่อาจมีอาการเสียวฟันได้ง่ายขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งฟันหรือการสัมผัสกับปัจจัยภายนอก ยาสีฟันที่มีส่วนผสมช่วยลดอาการเสียวฟันจึงเป็นสิ่งจำเป็น
  3. ควบคุมคราบจุลินทรีย์และหินปูน – แม้จะถอดเครื่องมือแล้ว แต่การรักษาความสะอาดก็ยังคงสำคัญเพื่อป้องกันการกลับมาของปัญหาคราบจุลินทรีย์และหินปูน ซึ่งเป็นสาเหตุของฟันผุและเหงือกอักเสบ
  4. ดูแลสุขภาพเหงือก – เหงือกอาจเกิดการอักเสบได้ง่ายขึ้นในระหว่างจัดฟัน การเลือกยาสีฟันที่มีส่วนผสมช่วยดูแลสุขภาพเหงือก จะช่วยให้เหงือกกลับมาแข็งแรงและลดการอักเสบ
  5. คงความสะอาดและสดชื่น – ยาสีฟันที่ดีจะช่วยให้ช่องปากสะอาด ลมหายใจสดชื่น และสร้างความรู้สึกที่ดีในการแปรงฟันอย่างต่อเนื่อง
  • ส่วนประกอบสำคัญที่ควรมีในยาสีฟันสำหรับคนจัดฟัน

ยาสีฟันที่เหมาะสมสำหรับคนจัดฟัน ควรมีส่วนประกอบที่ตอบโจทย์ความต้องการพิเศษของช่องปาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการถอดเครื่องมือจัดฟัน

  • บทบาทของฟลูออไรด์ในการเสริมสร้างความแข็งแรงของฟัน

ฟลูออไรด์ Fluoride : เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในยาสีฟัน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่จัดฟันและเพิ่งถอดเครื่องมือ

✅ ป้องกันฟันผุ ฟลูออไรด์ช่วยเสริมสร้างโครงสร้างของเคลือบฟันให้แข็งแรงขึ้น ทำให้ทนทานต่อการโจมตีของกรดที่เกิดจากแบคทีเรียในช่องปากซึ่งเป็นสาเหตุของฟันผุ
✅ ช่วยซ่อมแซมเคลือนฟัน ฟลูออไรด์สามารถช่วยในกระบวนการคืนแร่ธาตุให้กับเคลือบฟันที่เริ่มมีการสูญเสียแร่ธาตุทำให้ฟันกลับมาแข็งแรงขึ้น
✅ ลดการเกิดคราบขาว บริเวณรอบ ๆ แบร็กเก็ตที่แปรงไม่ถึง อาจเกิดคราบขาว ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงการเริ่มสูญเสียแร่ธาตุของเคลือบฟัน ฟลูออไรด์จะช่วยลดการเกิดคราบเหล่านี้

  • ส่วนผสมช่วยลดอาการเสียวฟัน

หลังการจัดฟัน ฟันบางซี่อาจมีอาการเสียวฟันได้ง่ายขึ้น ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งฟัน การเปิดเผยของท่อเนื้อฟันเล็ก ๆ ที่เชื่อมต่อไปยังเส้นประสาทฟันหรือการที่เหงือกร่นลงไปบ้าง ยาสีฟันที่มีส่วนผสมต่อไปนี้จะช่วยลดอาการเสียวฟันได้

โพแทสเซียมไนเตรด Potassium Nitrate : ทำหน้าที่ปิดกั้นสัญญาณประสาท ความเจ็บปวดที่ส่งไปยังสมอง ทำให้ลดความรู้สึกเสียวฟัน
สตรอนเทียมคลอไรด์ Strontium Chloride : ช่วยปิดกั้นท่อเนื้อฟัน ทำให้ของเหลวภายในท่อไม่สามารถเคลื่อนที่ไปกระตุ้นเส้นประสาทได้
สตอนเทียมอะซิเตท Strontium Acetalte : มีกลไกการทำงานคล้ายสตรอนเทียมคลอไรด์คือช่วยอุดท่อเนื้อฟันที่เปิดออก

  • ส่วนผสมช่วยลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์และหินปูน

คราบจุลินทรีย์และหินปูนเป็นศัตรูตัวฉกาจของสุขภาพช่องปาก การเลือกยาสีฟันทื่มีส่วนผสมที่ช่วยควบคุมสิ่งเหล่านี้จะช่วยรักษาสุขอนามัยที่ดีได้

ไตรโคลซาน (Triclosan) : เป็นสารต้านแบคทีเรียที่ช่วยลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์และลดการอักเสบของเหงือก
ซิงค์ ซิเตรท (Zinc Citrate) : สารประกอบสังกะสีมีฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรียและลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์และหินปูน
ไพโรฟอสเฟต (Pyfophosphates)  : สารกลุ่มนี้ช่วยป้องกันการตกผลึกของฟอสเฟตและแคลเซียมในน้ำลาย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดหินปูน ทำให้หินปูนเกาะติดฟันได้ยากขึ้น

  • ยาสีฟันสำหรับคนจัดฟันคืออะไร ความแตกต่างจากยาสีฟันทั่วไป

แม้ว่ายาสีฟันทั่วไปหลายชนิดจะมีส่วนประกอบพื้นฐานที่ดีแต่ยาสีฟันสำหรับคนจัดฟันหรือยาสีฟันเฉพาะทาง จะถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการพิเศษของช่องปากที่มีเครื่องมือจัดฟันหรือเพิ่งผ่านการจัดฟันมา

  • ลักษณะเด่นและคุณสมบัติพิเศษของยาสีฟันสำหรับคนจัดฟัน

1. ค่าความขัดถูต่ำ Low RDA – คุณสมบัติสำคัญ ยาสีฟันสำหรับคนจัดฟันมักมีค่า RDA (Relative Dentin Abrasivity) ต่ำกว่ายาสีฟันทั่วไป ซึ่งหมายความว่ามีสารขัดฟันที่อ่อนโยนกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการขัดถูเคลือบฟันที่อาจบอบบางหลังจัดฟันหรือไม่ทำลายพื้นผิวของเครื่องมือจัดฟัน
2. เน้นการฟื้นฟูและปกป้อง – มักมีปริมาณฟลูออไรด์ที่เหมาะสมหรือมีสารที่ช่วยเสริมสร้างเคลือบฟันและลดอาการเสียวฟันอย่างเข้มข้นกว่ายาสีฟันทั่วไป
3. ส่วนผสมที่ช่วยลดการอักเสบของเหงือก – อาจมีส่วนผสมของสารที่ช่วยลดการระคายเคืองและอักเสบของเหงือก ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในระหว่างจัดฟัน
4. รสชาติอ่อนโยน – มักมีรสชาติและกลิ่นที่ไม่ฉุนจนเกินไป เพื่อให้รู้สึกสบายปากและส่งเสริมการแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ

  • ส่วนประกอบที่เน้นการฟื้นฟูแลปกป้อง

นอกเหนือจากฟลูออไรด์และสารลดเสียวฟัน ยาสีฟันเฉพาะทางอาจมีส่วนประกอบอื่น ๆ ที่เน้นการฟื้นฟูและปกป้อง

สารจำพวกแคลเซียมและฟอสเฟต : สารเหล่านี้เป็นส่วนประกอบของแร่ธาตุในฟัน ช่วยในการคืนแร่ธาตุให้กับเคลือบฟันที่เริ่มเสื่อมสภาพและเสริมสร้างโครงสร้างฟันให้แข็งแรงขึ้น
สารสกัดจากพืชสมุนไพรธรรมชาติ : บางยี่ห้ออาจมีส่วนผสมของสารสกัดจากพืชที่มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบของเหงือกหรือลดแบคทีเรียในช่องปาก
โพรไบโอติกส์ Probiotics : ยาสีฟันบางชนิดเริ่มมีการใส่โพรไบโอติกส์เพื่อช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในช่องปากที่ดีต่อสุขภาพ

  • ใครควรใช้ยาสีฟันสำหรับคนจัดฟันหรือเฉพาะทางหลังจัดฟัน

การใช้ยาสีฟันสำหรับคนจัดฟัน หรือ ยาสีฟันเฉพาะทาง ไม่ได้จำกัดแค่ผู้ที่กำลังใส่เครื่องมืออยู่ แต่ยังรวมถึงกลุ่มคนอื่น ๆ ด้วย

1. กลุ่มผู้จัดฟันที่กำลังใส่เครื่องมือ เป็นกลุ่มที่ควรใช้ยาสีฟันสำหรับคนจัดฟัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากมีเครื่องมือติดอยู่ในช่องปากทำให้ทำความสะอาดได้ยาก มีความเสี่ยงต่อฟันผุรอบ ๆ แบร็กเก็ต และเหงือกอักเสบได้ง่าย ยาสีฟันเหล่านี้จะช่วยให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น

2. กลุ่มผู้ที่เพิ่งถอดเครื่องมือจัดฟัน หลังจากถอดเครื่องมือจัดฟัน เคลือบฟันอาจบอบบางลงและฟันอาจมีอาการเสียวฟันได้ง่าย การใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์สูงหรือมีส่วนผสมช่วยลดอาการเสียวฟันและเสริมสร้างเคลือบฟันจะช่วยให้ฟันฟื้นตัวและแข็งแรงขึ้นได้เร็วขึ้น

3. กลุ่มผู้ที่มีปัญหาเฉพาะหลังจัดฟัน (เช่น เสียวฟันง่าย เหงือกอักเสบ)

สำหรับผู้ที่หลังจัดฟันแล้ว ยังคงมีปัญหาเฉพาะเจาะจงเช่น

เสียวฟันง่าย ควรเลือกยาสีฟันที่มีส่วนผสมของโพแทสเซียมไนเตรด หรือ สตรอนเทียมเพื่อช่วยลดอาการเสียวฟัน
เหงือกอักเสบ ควรเลือกยาสีฟันที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดการอักเสบของเหงือก เช่น ไตรโคลซาน (หากยังคงมีในยาสีฟันนั้น) หรือ สารสกัดจากพืชธรรมชาติบางชนิดที่ช่วยลดการอักเสบ
มีคราบขาวบนผิวฟัน เลือกยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ในปริมาณที่สูงขึ้นหรือมีส่วนผสมของแคลเซียม ฟอสเฟต เพื่อช่วยในกระบวนการคืนแร่ธาตุ
  • ควรเริ่มใช้ยาสีฟันสูตรเฉพาะสำหรับคนจัดฟัน เมื่อไหร่และใช้ใปนานแค่ไหน

ระยะเวลาที่เหมาะสมในการใช้ยาสีฟันเฉพาะทาง

ช่วงใส่เครื่องมือจัดฟัน – ควรเริ่มใช้ยาสีฟันสำหรับคนจัดฟันทันทีที่เริ่มใส่เครื่องมือจัดฟันไปจนกว่าจะถอดออก

หลังถอดเครื่องมือจัดฟัน – ควรใช้ยาสีฟันเฉพาะทางสำหรับฟื้นฟูและปกป้องฟันไปอีกอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี หรือตามคำแนะนำของทันตแพทย์เพื่อให้ฟันและเหงือกได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่และคงสภาพที่แข็งแรง

  • ความจำเป็นในการใช้ต่อเนื่อง

หลังจากช่วงฟื้นตัวเบื้องต้น คุณสามารถกลับมาใช้ยาสีฟันทั่วไปที่มีฟลูออไรด์ได้ แต่หากคุณยังคงมีปัญหาเฉพาะเจาะจง เช่น เสียวฟันง่าย หรือ มีแนวโน้มฟันผุสูง ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาสีฟันเฉพาะทางต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เพื่อการดูแลที่เหมาะสมที่สุด การใช้ยาสีฟันที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่องจะช่วยป้องกันปัญหาในระยะยาวได้

  • ยาสีฟันแบบไหนที่ตอบโจทย์คนจัดฟัน เกณฑ์การเลือก

การเลือกยาสีฟันที่เหมาะสมสำหรับคนจัดฟันนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณเข้าใจหลักเกณฑ์พื้นฐานการเลือกยาสีฟันให้เหมาะกับฟันที่เพิ่งถอดเหล็ก

1. พิจารณาส่วนประกอบสำคัญ (ฟลูออไรด์สารลดอาการเสียวฟัน สารต้านแบคทีเรีย)

ฟลูออไรด์ – ตรวจสอบให้แน่ใจว่ายาสีฟันมีปริมาณฟลูออไรด์ที่เหมาะสม เช่น 1000-1500 ppm. เพื่อช่วยป้องกันฟันผุและเสริมสร้างเคลือบฟัน
สารลดอาการเสียวฟัน – หากมีอาการเสียวฟัน ควรหายาสีฟันที่มีโพแทสเซียมไนเตรด หรือ สตรอนเทียมอะซิเตท
สารต้านแบคทีเรีย/ลดคราบจุลินทรีย์ – เช่น ซิงก์ ซิเตรท หรือ ไพโรฟอสเฟต เพื่อช่วยควบคุมคราบจุลินทรีย์และหินปูน
สารเสริมสร้างเคลือบฟัน – อาจพิจารณายาสีฟันที่มีส่วนผสมของแคลเซียมและฟอสเฟตเพื่อช่วยฟื้นฟูเคลือบฟัน

2. เลือกยาสีฟันที่มีค่าความขัดถูต่ำ RDA – Relative Dentin Abrasivity 

ค่า RDA เป็นตัวบ่งชี้ความสามารถในการขัดถูของยาสีฟัน ค่าที่ต่ำกว่าจะอ่อนโยนต่อ เคลือบฟันมากกว่า สำหรับคนจัดัฟนหรือผู้ที่เพิ่งถอดเครื่องมือ ควรเลือกยาสีฟันที่มีค่า RDA ต่ำ เพื่อป้องกันการขัดถูเคลือบฟันที่อาจบอบบาง

3. รสชาติและเนื้อสัมผัสที่ถูกใจเพื่อการใช้งานต่อเนื่อง

ยาสีฟันที่มีรสชาติอ่อนโยน ไม่ฉุนจัด และมีเนื้อสัมผัสที่สบายปากจะช่วยให้คุณแปรงฟันได้อย่างต่อเนื่องและไม่รู้สึกเบื่อหน่าย การเลือกยาสีฟันที่คุณชอบจะช่วยให้คุณมีวินัยในการดูแลช่องปากได้ดีขึ้น

  • ยาสีฟันแบบไหนควรหลีกเลี่ยง สำหรับคนจัดฟัน

การหลีกเลี่ยงยาสีฟันบางประเภทเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพช่องปากและผลลัพธ์ของการจัดฟัน

❌ ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของสารขัดฟันรุนแรง

ยาสีฟันบางชนิด โดยเฉพาะยาสีฟันที่เน้นการขจัดคราบฟันหรือฟอกสีฟันอย่างรวดเร็ว มักมีสารขัดฟันที่มีฤทธิ์แรง หรือ ค่า RDA สูง  ซึ่งอาจไปทำลายเคลือบฟันที่บอบบางหลังจากการจัดฟัน หรือ ทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนพื้นผิวของเครื่องมือจัดฟันได้

❌ ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของสารฟอกสีฟันที่อาจระคายเคือง

ยาสีฟันฟอกสีฟันบางชนิดมีสารฟอกสีฟัน เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ Hydrogen Peroxide ในปริมาณที่เข้มข้น ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันหรือระคายเคืองต่อเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปากได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอาการเหงือกอักเสบอยู่แล้ว

❌ ยาสีฟันที่มีรสชาติหรือกลิ่นฉุนเกินไป

ยาสีฟันที่มีรสชาติหรือกลิ่นฉุนจัด อาจทำให้บางคนรู้สึกแสบปาก ไม่สบายปาก หรือ รู้สึกอยากอาเจียน ซึ่งจะทำให้การแปรงฟันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและยากที่จะทำได้อย่างสม่ำเสมอ เลือกยาสีฟันที่มีรสชาติอ่อนโยนและสดชื่น เพื่อส่งเสริมการดูแลช่องปากที่ดีในระยะยาว

ตัวอย่างยาสีฟันสำหรับคนจัดฟัน

  • Sky Oral Care ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนจัดฟัน

สำหรับผู้ที่ผ่านการจัดฟันมาแล้ว การดูแลช่องปากเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะฟันที่เคยถูกเคลื่อนย้ายมานั้นต้องการการดูแลเป็นพิเศษ Sky Oral Care เข้าใจถึงความต้องการเหล่านี้ และ ได้พัฒนายาสีฟันสูตรเฉพาะสำหรับผู้จัดฟัน เพื่อช่วยฟื้นฟูและปกป้องฟันของคุณอย่างครบวงจร

  • ยาสีฟัน Sky Fresh : Ortho White สูตรจัดฟัน

ยาสีฟันสกายเฟรชสูตรนี้ ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษโดยทันตแพทย์ เพื่อตอบโจทย์ปัญหาของคนจัดฟันโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเสียวฟัน ฟันผุ หรือ เหงือกอักเสบ ซึ่งมักพบได้บ่อยหลังจากการจัดฟัน

  • คุณสมบัติเด่นและส่วนประกอบสำคัญ เช่นสารฟลูออไรด์ สารลดเสียวฟัน สารบำรุงเหงือก

✅ สารฟลูออไรด์ – มีบทบาทสำคัญในการป้องกันฟันผุ
✅ สารลดเสียวฟัน – ช่วยลดอาการเสียวฟันที่มักเกิดขึ้นหลังจากการจัดฟันหรือจากการปรับตัวของฟัน
✅ สารบำรุงเหงือก – ช่วยลดการอักเสบของเหงือก และบำรุงเหงือกให้มีสุขภาพดี ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่้งเมื่อมีการเคลื่อนย้ายฟัน

  • ประโยชน์ที่คนจัดฟันจะได้รับจากการใช้ Sky Oral Care

การใช้ยาสีฟัน Sky Oral Care เป็นประจำจะช่วยให้ผู้จัดฟันได้รับประโยชน์หลายประการ

✅ ลดปัญหาฟันผุ – ฟลูออไรด์ ช่วยสร้างเกราะป้องกันฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพ
✅ ลดอาการเสียวฟัน – บรรเทาอาการไม่สบายที่เกิดจากการเสียวฟัน
✅ บำรุงเหงือกให้แข็งแรง – ป้องกันปัญหาเหงือกอักเสบและช่วยให้เหงือกมีสุขภาพดี
✅ ทำความสะอาดช่องปากอย่างล้ำลึก – ขจัดคราบพลัคและเศษอาหารที่มักตกค้างตามซอกฟันและอุปกรณ์จัดฟันได้อย่างหมดจด
✅ ลมหายใจสดชื่น – ช่วยให้คุณมั่นใจในลมหายใจที่สะอาดสดชื่นตลอดวัน

  • เน้นย้ำความสำคัญของการดูแลช่องปากอย่างต่อเนื่อง

การจัดฟันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการมีรอยยิ้มที่สวยงาม การดูแลช่องปากอย่างต่อเนื่องต่างหากคือหัวใจสำคัญที่จะรักษาสุขภาพฟันที่ดีไปตลอดชีวิต การแปรงฟันอย่างถูกวิธี การใช้ไหมขัดฟัน และ การพบทันตแพทย์ตามนัดหมายเป็นประจำล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่ง

  • ยาสีฟันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลทั้งหมด

ฟันที่ผ่านการจัดฟันมาแล้วเปรียบเสมือนสิ่งมีชีวิตที่ต้องการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ ยาสีฟันที่มีคุณภาพจึงเป็นเสมือน เพื่อนแท้ ที่จะช่วยปกป้องและฟื้นฟูฟันของคุณให้แข็งแรงและสวยงามหลังจากการจัดฟันเสร็จสิ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ว่ายาสีฟันจะเป็นตัวช่วยที่ดีเยี่ยมในการดูแลฟันหลังจัดฟัน แต่สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่ายาสีฟันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการดูแลช่องปากทั้งหมด การใช้ไหมขัดฟัน แปรงซอกฟัน และน้ำยาบ้วนปากที่เหมาะสม ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม

Sky Oral Care ส่งมอบรอยยิ้มในฝันที่อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

สำหรับผู้ที่กำลังมองหายาสีฟันที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนจัดฟัน Sky Oral Care คือคำตอบที่ใช่ ยาสีฟันของเราถูกออกแบบมาเพื่อ ดูแลฟันหลังจัดฟันโดยเฉพาะ ช่วยลดปัญหาการเสียวฟัน ปกป้องฟันผุ และบำรุงเหงือกให้แข็งแรง พร้อมมอบลมหายใจที่สดชื่น เพื่อให้คุณมั่นใจในรอยยิ้มที่สวยงามและสุขภาพดี ดูแลฟันหลังจัดฟันให้สมบูรณ์แบบด้วย Sky Oral Care

ยาสีฟันคนจัดฟัน Sky Fresh Ortho White Toothpaste ได้รับการพัฒนาเพื่อดูแลสุขภาพช่องปากของผู้ที่กำลังจัดฟัน มีคุณสมบัติที่มีส่วนผสมของสมุนไพร 10 ชนิดและมีส่วนผสมต่าง ๆที่มีความสำคัญในการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันรวมถึงเครื่องมือจัดฟัน

ช่วยป้องกันฟันผุ มีพลังฟลูออไรด์ 1500 ppm. เป็นปริมาณปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุ มี Prebiotic ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในช่องปาก ช่วยลดการอักเสบของคราบพลัคและหินปูน ยับยั้งแบคทีเรียที่เป็นปัญหาช่องปาก ทำความสะอาดเครื่องมือจัดฟันได้อย่างดีเยี่ยม ขจัดคราบชา กาแฟ และบุหรี่ ฟันลื่นไร้คราบ ไร้กลิ่นปาก ลดอาการเสียวฟัน และไม่มีน้ำตาล แอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ยาสีฟันสำหรับคนจัดฟัน Sky Fresh Ortho White Toothpaste 

หากท่านใดมีข้อสงสัย ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือเข้าชมผลิตภัณฑ์อื่น ๆ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.skyoralcare.com

Skyfresh Ortho White
ยาสีฟันสูตรเฉพาะสำหรับคนจัดฟัน
ราคาหลอดละ 299.- (ขนาด 70 g.)
สั่งซื้อผ่าน Line ID : @skyoralcare
โทร.062-939-6365

Share This:
Share:
โปรทำฟัน
โปรจัดฟัน
เลือกสาขา